อินส์บรูค Innsbruck ออสเตรียเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม ทั้งสถาปัตยกรรมและความกลมกลืนของธรรมชาติ แม้แต่เมืองที่อยู่ทางตะวันตกสุดของประเทศอย่างอินส์บรุคก็ยังเต็มไปด้วยศิลปะแบบชนบทสีลูกกวาด โอบล้อมด้วยขุนเขาและทางเดินสุดโรแมนติกที่ใครมาเยือนต้องหลงรักจนอยากหยุดเวลาไว้ตรงนั้น
อินส์บรูค Innsbruck ที่เที่ยวออสเตรีย Candy House แห่งขุนเขา
อินส์บรูค Innsbruck ออกจาก เวียนนาเมืองหลวง ของออสเตรียไปทางตะวันตกประมาณ 320 กม. เราจะพบกับเมืองอินส์บรุค (Innsbruck) เมืองหลวงของรัฐทิโรลที่พร้อมให้ทุกท่านได้เยี่ยมชมสถาปัตยกรรมสีพาสเทลที่สวยงาม ภูเขาที่สวยงามและประวัติศาสตร์ท้องถิ่นอันยาวนาน
เมืองอินส์บรุค มีอีกชื่อหนึ่งว่าเมืองหลวงแห่ง เทือกเขาแอลป์ (Capital of the Alps) เนื่องจากเป็นสถานที่แวะพักระหว่างการเดินทางบนเทือกเขาแอลป์ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ในอดีต Brenner Pass เป็นเส้นทางสัญจรที่สำคัญมาก เส้นทางเศรษฐกิจและการทหาร ซึ่งทำให้… เมือง Innsbruck เป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองทางด้านเศรษฐกิจ ทั้งยังเป็นศูนย์กลางอำนาจของราชวงศ์ฮับสบวร์กสลับกับเวียนนาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1665 เป็นต้นมา
innsbruck ที่เที่ยว ปัจจุบัน Innsbruck กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวโดยเน้นกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การเล่นสกีบนภูเขาหิมะ และชมเมืองที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบบาโรกต่อเนื่องจากศตวรรษที่ 17 นั่นเองค่ะ
ไฮไลท์ เมืองอินส์บรูค Innsbruck
เริ่มต้นด้วยการเดินเล่นรอบเมือง พื้นที่ของเมืองไม่ใหญ่มากนัก แต่เต็มไปด้วย สถาปัตยกรรมแบบบาร็อค ที่สวยงาม ตกแต่งด้วยสีพาสเทล ดูไม่เว่อร์ แต่ก็สร้างสีสันให้กับบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี จุดเด่นของ Innsbruck อยู่ที่วิวเมืองที่โอบล้อมด้วยภูเขา แม้ว่าเราจะเดินอยู่ในเมือง แต่ก็สามารถชมวิวเทือกเขาแอลป์ได้อย่างดี
ในเมืองจะมีชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ห้องโถงแห่งชัยชนะของโรมันที่ไม่ได้เกิดจากชัยชนะในการต่อสู้ ย้อนกลับไปในปี 1765 พิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าชายเลโอโปลด์ พระโอรสของจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซาแห่งออสเตรีย และเจ้าหญิงมาเรีย ลูโดเวียแห่งสเปน innsbruck ที่เที่ยว
และแล้วก็มาถึงซิกเนเจอร์แลนด์มาร์คที่เป็นที่มาของ “ เมืองสีลูกกวาด ” ของเมือง Innsbruck นั่นเอง เป็นตึกสีพาสเทล มันอยู่ในแนวเดียวกับ River Inn (River Inn) โดยมีเทือกเขาแอลป์ทอดยาวอยู่ด้านหลัง เป็นภาพที่เห็นได้บ่อยในโปสการ์ด ไม่ไปก็เหมือนยังมาไม่ถึง เมืองอินส์บรุค
เมืองอินส์บรุค ประเทศออสเตรีย
อินส์บรูค (Innsbruck) เป็น เมืองหลวงของรัฐ Tyrol ประเทศออสเตรีย อยู่ห่างจากเมืองเวียนนาซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศออสเตรียไปทางทิศตะวันตกราวๆ 320 กิโลเมตร อินส์บรูค ตั้งอยู่ที่ราบลุ่มอิน (Inn Valley) โดยมีแม่น้ำอินไหลผ่าน และถูกโอบล้อมด้วยเทือกเขาแอลป์ โดยได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งเทือกเขาแอลป์ (Capital of Alps) อินส์บรูค เป็นเมืองที่เป็นจุดแวะพักระหว่างทางบนเทือกเขาแอลป์มาตั้งแต่สมัยก่อน เมืองอินส์บรุคเป็นเมืองที่มีประวัติความเป็นมายิ่งใหญ่และยาวนาน และยังเป็นจุดตั้งต้นของกิจกรรมบนเขามากมาย ส่วนตัวเมืองก็มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และมีทัศนียภาพที่สวยงามโอบล้อมไปด้วยภูเขา มียอดเขาเรียงรายทั้งเหนือและใต้
เมืองแห่งนี้เคยทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองเส้นทางการค้าในสมัยโบราณ บนเทือกเขาแอลป์เส้นทาง Brenner Pass สถานที่เที่ยวออสเตรีย ซึ่งเป็นเส้นทางที่สำคัญที่สุดเส้นหนึ่งนี้ไว้ ในอดีต พ่อค้า นักแสวงบุญ และกองกำลังทหารม้า ต่างเคยใช้เส้นทางนี้เพื่อเดินทางข้ามภูเขา โดยใช้ สะพานอินน์ (Inn) เพื่อเดินทางไปยังอิตาลีและแถบเมดิเตอร์เรเนียน เมืองอินส์บรุค มีเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูมาจากการควบคุมการจราจรข้ามเทือกเขา ในฐานะที่เป็นเมืองหลวงแห่งภูมิภาคแอลป์ตะวันออก หรือดินแดน Tyol โดยเมืองอินส์บรุคทำหน้าที่ในการเป็นศูนย์กลางอำนาจของราชวงศ์ฮับส์บูร์กสลับกับเมืองเวียนนามาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1665
กระทั่งในปัจจุบันนักท่องเที่ยวก็ยังสามารถสังเกตเห็นร่องรอยแห่งอิทธิพลของราชวงศ์ฮับส์บูร์ก ผ่าน สถาปัตยกรรมแบบบาร็อค (Baroque) ที่มีการตกแต่งอย่างอลังการของอาคาร บ้านเรือนต่างๆ ในย่าน Alstadt ซึ่งเป็นถนนสายหลัก แม้จะเต็มไปด้วยงานสถาปัตยกรรมอลังการ แต่ปัจจุบันเมืองอินส์บูร์กกลับเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับทำกิจกรรมกลางแจ้งมากกว่าสิ่งอื่นๆ โดยกิจกรรมจะอยู่นอกเมือง ทั้งนี้ เมืองนี้เคยเป็นที่จัดโอลิมปิกฤดูหนาวมาแล้วถึงสองครั้งในปี ค.ศ. 1964
การเดินทางจากเวียนนาไป Innsbruck
การเดินทางในประเทศออสเตรียหลักๆ จะเป็นการเดินทางโดยรถไฟและรถบัส การเดินทางสามารถเริ่มต้นได้จากหลายทาง จุดเริ่มต้นหลักๆ ที่นักท่องเที่ยวนิยมจะอยู่ที่เวียนนา (Vienna) สถานที่เที่ยวออสเตรีย
– รถยนต์ (Car) การเดินทางโดยรถยนต์จากเวียนนาไปยัง Innsbruck มีระยะทาง 470 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง 40 นาที โดยสามารถใช้เส้นทางสาย A1, A8 และ A12 ไปทาง Amraser-See-Straße/B174 มุ่งไป Innsbruck
– รถไฟ (Train) การเดินทางโดยไฟจากเวียนนาไปยัง Innsbruck นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถไฟจากสถานี Wien Westbannhof แล้วไปเปลี่ยนรถไฟที่สถานี Attnang-Puchheim เพื่อขึ้นขบวน RegionalExpress ต่อไปยังเมือง Innsbruck ได้เลย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงสถานี
ตั๋วรถไฟมี 2 แบบด้วยกัน คือ
ตั๋วแบบแรก คือ ตั๋วแบบราคาเต็ม สามารถซื้อได้เลยที่เคาน์เตอร์หรือจองออนไลน์ก็ได้
ตั๋วแบบที่สอง คือ ตั๋วลดราคา หรือตั๋ว OBB Sparschiene สามารถจองออนไลน์ลวงหน้าได้ 2-3 เดือน ซึ่งตั๋วจะมีราคาถูกกว่า แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงวันเวลาเดินทางได้
เที่ยวอินส์บรูค (Innsbruck) เมืองแห่งสีสัน
เยี่ยมชมอินส์บรุค อินส์บรุคเป็นเมืองหลวงของภูมิภาคทิโรล ตั้งอยู่บนที่ราบอินน์ข้ามแม่น้ำอินส์ และล้อมรอบด้วยเทือกเขาแอลป์ ก่อนที่เราจะไปเที่ยว Innsbruck เรามารู้จักชื่อนี้กันก่อนดีกว่า คำว่า bruck มาจากคำภาษาเยอรมันว่า “Bridge” และ “Inns” หมายถึงชื่อแม่น้ำ Inns โดยทั่วไปแล้ว Innsbruck หมายถึง “Bridge over the Inn” ซึ่งแปลว่า “Bridge over the Inn” ที่นี่มีทัศนียภาพและอากาศดีจนได้รับการขนานนามว่าเมืองนี้ เมืองหลวงแห่งเทือกเขาแอลป์
เมืองที่นี่จะสดใสสะดุดตาเรียงแถวเป็นระเบียบ สองข้างทางมีร้านค้า ร้านอาหารสำหรับทุกคนและตัวเลือกอร่อยๆ และบนยอดเขา อินส์บรุคมีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี ใครอยากเล่นสกีก็ทำได้ ที่สำคัญคือถ้ามา Innsbruck แล้วไม่ได้มาที่นี่ถือว่ายังมาไม่ถึง GOLDEN ROOF
หลังคาสีทองเป็นสัญลักษณ์ของอินส์บรุค ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองเก่า สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 โดย พระเจ้าฟรีดริชที่ 4 เพื่อเป็นที่ประทับของผู้ปกครองแคว้นทิโรล หลังจากกษัตริย์แม็กซิมิเลียนที่ 1 เปลี่ยนหลังคาสีทองและปรับปรุงใหม่ในสไตล์บาโรกและโกธิค หลังคาแขวนตกแต่งด้วยทองคำบริสุทธิ์ 2,738 ชิ้น และใช้ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับการแสดงในเทศกาลสำคัญต่างๆ
อีกเมืองหนึ่งอยุ่ไม่ไกลจาก อินส์บรูค คือเมือง Welten
อินส์บรูค Innsbruck เมืองนี้อยู่ไม่ไกลจากอินส์บรุค สถานที่ท่องเที่ยวที่ฉันอยากจะแนะนำให้ทุกคนคือ Swarovski Kristallwelten (คริสตัลเวิลด์ของสวารอฟสกี้) เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2538 เพื่อฉลองครบรอบ 100 ปี สวารอฟสกี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยก่อตั้งขึ้นเมื่อกว่า 100 ปีที่แล้วในฐานะธุรกิจของครอบครัวโดยคุณดาเนียน สวารอฟสกี้จากโบฮีเมีย (สาธารณรัฐเช็กในปัจจุบัน) ตั้งถิ่นฐานที่เมืองเวลเทิน รัฐทิโรล ประเทศออสเตรีย โดยการนำคริสตัลมาปักเป็นเครื่องประดับให้กับชุดนอนเพื่อเพิ่มความหรูหราสง่างาม ต่อมาได้กลายเป็นผู้นำในด้านเลนส์สวยงามหรือ… กล้องส่องทางไกลภายใต้ชื่อ Habicht ตั้งแต่นั้นมา Swarovski ก็มีชื่อเสียงไปทั่วยุโรปในด้านโคมไฟระย้า ใช้สำหรับตกแต่งปราสาท สวนสนุก พิพิธภัณฑ์ในยุโรป รวมถึงของขวัญคริสตัลและของสะสมที่มีดีไซน์หลากหลาย
ฉากที่โดดเด่นของที่นี่คือ… ออกแบบโดย อังเดร เฮลเลอร์ กูรูด้านโซเชียลมีเดีย ตัวสีดำขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหน้า The Giant คือใบหน้ามนุษย์ที่มีตา คิ้ว จมูก ไข่มุก และปากที่โผล่ออกมาจากภูเขาที่มีภูมิทัศน์สวยงาม ที่ปากจะมีสปริงออกมา และมีการประดับคริสตัลที่ตา คิ้ว จมูก